ไขมันพอกตับ (Fatty Liver Disease) เป็นภาวการณ์ที่ไขมันเข้าไปแทรกที่เซลล์ของตับ

[Joe524]

ซึ่งถ้าหากสะสมมากยิ่งกว่า 5-10% ของน้ำหนักตับ จะนับได้ว่าเป็นภาวการณ์ไขมันพอกตับ ทำให้ตับมีการอักเสบ หรือเซลล์ตับตาย และก็เกิดพังผืดภายในตับ จนแปลงเป็นโรคตับแข็งในที่สุด ซึ่งถ้าอาการโรคดำเนินไปจนกระทั่งภาวการณ์โรคตับแข็ง จะไม่อาจจะรักษาได้ด้วยยาหรือวิธีทางการแพทย์อะไรก็ตามทำได้เพียงแต่ควบคุมอาการและก็ลดจำนวนไขมันในตับลงโดยการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

ลักษณะของไขมันพอกตับ จะไม่แสดงให้เห็นตั้งแต่เริ่มต้น แม้กระนั้นจะเริ่มมีอาการที่สำเร็จพวงจากการที่ไขมันสะสมอยู่ในตับเยอะมากๆ โดยอาการที่พบได้บ่อยเป็นเมื่อยล้า อ่อนล้า ไม่มีแรง รู้สึกป่วยท้องน้ำหนักลดไม่ปกติ ความต้องการของกินลดน้อยลง คลื่นไส้ ความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการตัดสินใจและก็สมาธิลดน้อยลง นอกจากนั้น โรคไขมันพอกตับอาจจะทำให้กำเนิดโรคอื่นๆตามมาได้ อย่างเช่น ตับโต เกิดลักษณะของการปวดที่รอบๆท้องด้านบนขวา หรือกึ่งกลางท้อง และบางทีอาจพบรอยปื้นคล้ำที่ผิวหนังรอบๆ คอ หรือใต้รักแร้ ฯลฯ

ต้นเหตุที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดภาวการณ์ไขมันพอกตับ เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการที่ร่างกายสะสมไขมันมากเกินไป หรือเกิดความไม่ปกติเกี่ยวกับระบบเผาผลาญไขมัน ทั้งนี้ไขมันที่ไปแทรกตามเซลล์ตับบางทีอาจไม่ได้มีต้นเหตุมาจากการทานอาหารที่มีไขมันสูงโดยตรง แม้กระนั้นอาจเกิดขึ้นจากต้นเหตุอื่นๆได้แก่ การดื่มแอลกอฮอล์ เบาหวาน โรคอ้วน ภาวการณ์ไขมันในเลือดสูง ความแตกต่างจากปกติของลำไส้สำหรับการซึมซับสารอาหาร โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแล้วก็ซี หรือการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) เป็นต้น

ไขมันพอกตับเป็นสภาวะสุขภาพซึ่งสามารถเลี่ยงได้ หากมีการดูแลสุขภาพที่ดีพอเพียง และเลือกทานอาหารที่มีคุณประโยชน์ ตัวอย่างเช่น ผัก ผลไม้ เมล็ดพืชจำพวกต่างๆหลบหลีกของกินไขมันสูง เปลี่ยนแปลงมารับประทานของกินที่มีไขมันดี ยกตัวอย่างเช่น ถั่วเปลือกแข็ง อะโวคาโด ปลาทะเล ฯลฯ แต่ การดูแลรักษาสภาวะไขมันพอกตับควรมุ่งเน้นไปที่การหันมาดูแลสุขภาพและปรับเปลี่ยนการกระทำการใช้ชีวิต ซึ่งผู้เจ็บป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

- เลือกทานอาหารที่มีสาระ ย้ำของกินที่มีโปรตีนสูง หลีกเลี่ยงของกินที่มีไขมันสูงแล้วก็อาหารที่มีรสเค็มจัด นอกนั้นควรจะทานผักผลไม้ให้เพิ่มมากขึ้น

- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้อาการโดยรวมต่างๆของภาวะไขมันพอกตับดียิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยให้ความไวต่ออินซูลินของร่างกายดียิ่งขึ้นด้วย

- การควบคุมน้ำหนัก เลิกดูดบุหรี่ และควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เหมาะสม